top of page

หมอลำทรง แม่ดาว พานโน

อัปเดตเมื่อ 23 ม.ค. 2565

บทความโดย ศ.สำเร็จ คำโมง
แม่หมอดาว พานโน เป็นบุคคลที่สําคัญในการเรียบเรียงเอกสารสารัตถะเล่มนี้ เป็นแม่หมอหรือครูบาหมอลําทรง แห่งบ้านพระยืน ตําบลพระยืน อําเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น
บริบททางสังคมและวัฒนธรรม
  • ลักษณะทางภูมิศาสตร์ บ้านพระยืน บ้านพระยืน ตําบลพระยืน อําเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น ตั้งอยู่ตอนกลางของจังหวัดขอนแก่น อยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ 15 - 12 องศาเหนือ และเส้นแวงที่ 101 - 103 องศาตะวันออก ห่างจากตัวเมืองขอนแก่น ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประมาณ 28 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพมหานคร ประมาณ 420 กิโลเมตร อาณาเขตทิศเหนือจดอําเภอบ้านฝาง ทิศตะวันออกจดอําเภอเมืองขอนแก่น ทิศใต้จดอําเภอบ้านไผ่กับอําเภอมัญจา คีรีและทิศตะวันตกจดอําเภอมัญจาคีรี มีพื้นที่ทั้งหมด 132 ตารางกิโลเมตร สภาพพื้นที่เป็นที่ราบสูง อยู่เหนือระดับน้ําทะเลโดยเฉลี่ยประมาณ 100 - 200 เมตร มีภูมิอากาศแห้งแล้ง ฝนตกโดยเฉลี่ยปีละ 110 วันและมีปริมาณน้ําฝนรวมทั้งจังหวัดขอนแก่นประมาณ 1,202 มิลลิเมตร อุณหภูมิ ต่ำสุด 14.50 องศาเซลเซียสในเดือนมกราคม และสูงสุด 38.30 องศาเซลเซียสในเดือนเมษายน อําเภอพระยืน มีจํานวนประชากร 34,833 คน อาชีพของประชากรส่วนใหญ่คือ ทําการเกษตร 3 ด้าน คือด้านกสิกรรม มีพืชเศรษฐกิจคือ ข้าวมันสําปะหลัง อ้อย ผัก และหม่อนเลี้ยงไหม ด้านปศุสัตว์มีการเลี้ยงโคอย่าง หนาแน่น และด้านการประมงมีการขุดบ่อเลี้ยงปลากระจัดกระจายอยู่ทุกตําบล

ประวัติความเป็นมาและวัฒนธรรมของชุมชน
  • อําเภอพระยืน กิ่งอำเภอพระยืน จัดตั้งขึ้นตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2519 โดยแยกออกจากการปกครองของอำเภอเมืองขอนแก่น มีพื้นที่ 171 ตารางกิโลเมตร เริ่มแรกแบ่งการปกครองออกเป็น 3 ตำบล 32 หมู่บ้าน มีอาณาเขตคือ ทิศเหนือจดกับอำเภอเมืองและอำเภอบ้านฝาง ทิศใต้จดอำเภอมัญจาคีรี ทิศตะวันออกจดอำเภอเมืองและอำเภอบ้านไผ่ ตามแนวลำน้ำชี และทิศตะวันตกจดอำเภอบ้านฝางและอำเภอมัญจาคีรี

  • "พระยืน" เป็นพระพุทธรูปทั้ง 2 องค์ จะสร้างมาตั้งแต่สมัยใดไม่ปรากฎหลักฐานสันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ของขอม มีเรื่องเล่าต่อๆกันมาว่า พระยาธรรมศักดิ์เจ้าเมืองชนบท ได้นำไพร่พลทหานไปคล้องช้างที่เมืองหล่มสักในระหว่างการเดินทางได้พักแรมที่หนองน้ำแห่งหนึ่ง ในตอนกลางคืน พระยาธรรมศักดิ์ ได้นิมตรว่าเห็นดวงแก้ว 2 ดวง มีแสงสว่างสวยงามมาก มีลักษณะคล้ายลูกไฟกลมโต ลอยขึ้นจากทางทิศตะวันออก โค้งไปทางทิศตะวันตกถึงเลาเช้าพระยาธรรมศักดิ์ได้สั่งให้ พลทหารตระเวนค้นหาไปทางทิศตะวันออกและได้พบพระพุทธรูป ประทับยืนโผล่ขึ้นมาจากดินเมื่อค้นหาไปทางทิศตะวันตก พบพระพุทธรูปปางนั่ง พระยาธรรมศึกดิ์ได้ให้ทหารสร้างศาลาให้ประทับ เมื่อเดินทางไปคล้องช้างที่เมืองหล่มและเดินทางกลับเมืองชนบทแล้ว ได้โปรดให้พระยาศักดิ์และนางทอดคำสามสร้างบ้านเมืองที่หนองน้ำที่ค้นพบและตั้งชื่อว่า "พระยืน"

  • หลักฐานปัจจุบัน มีศิลาจารึกใต้ฐานพระ ความว่า "วันที่ 17 ธันวาคม ร.ศ.111 พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม ข้าหลวงใหญ่มณฑลลาวพวน โปรดให้ปฏิสังขรณ์เป็นครั้งแรกและสมโภชในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ร.ศ.111 (พ.ศ.2435)

ปัจจุบันอำเภอพระยืน ให้ถือเอาวัที่ 2 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็นวันฉลองสมโภชและได้จัดเป็นงานประเพณีประจำปีตลอดมา ตามบเท่าทุกวันนี้
  • ตําบลพระยืน ชุมชนบ้านพระยืนนี้แต่เดิมอยู่ในเขตปกครองของตําบลพระบุ อําเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น แยกออกมา เป็นตําบลพระยืน เมื่อปี พ.ศ. 2516 มีหมู่บ้านในเขตปกครองจํานวน 15 หมู่บ้าน คือ บ้านพระยืน 2 หมู่ บ้าน หัวบึง บ้านนาล้อม บ้านโนนบ่อ 3 หมู่ บ้านหนองคู บ้านป่าหม้อ 2 หมู่ บ้านหินเหิบ บ้านแก่นประคู่บ้านป่าส่าน 2 หมู่ และบ้านศิลาทิพย์ ตําบลพระยืนมีพื้นที่ 54 ตารางกิโลเมตร หรือ 25,118 ไร่

  • อาณาเขตทิศเหนือจดตําบลบ้านเหล่า อําเภอบ้านฝาง และตําบลบ้านหว้า อําเภอเมืองขอนแก่น ทิศตะวันออกจดตําบลขามป้อม อําเภอพระยืน และตําบลท่าศาลา อําเภอมัญจาคีรี ทิศใต้จดตําบลท่าศาลา อําเภอมัญจาคีรี ทิศตะวันตกจอเขตอําเภอหนองเรือ เทศบาลตําบลพระยืนมีอาณาเขตครอบคลุม 3 หมู่บ้าน คือบ้านพระยืน หมู่ที่ 1 กับหมู่ที่ 14 และบ้านหัวบึง

พิธีกรรมลำทรง

พิธีกรรมลําทรงหรือบางท้องถิ่นเรียกว่าลํานางเทียม เป็นพิธีกรรมที่จัดขึ้นเพื่อบําบัดรักษาอาการเจ็บไข้ได้ ป่วย พบว่า ยังมีจัดอยู่ในสังคมไทยลาวทุกจังหวัด เพราะยังมีผู้ศรัทธาและใช้บริการจํานวนมาก ประกอบกับดนตรีและบทขับลํานั้นไพเราะจับใจ และผู้ที่เคยเข้ารับการบําบัดรักษายืนยันว่าตนหายป่วยไข้ได้จริง มีจํานวนมากกว่า 50 เปอร์เซ็น จึงน่าสนใจที่จำเป็นหยิบเอาเป็นหัวข้อเก็บข้อมูลและดําเนินการเก็บข้อมูลเพื่อค้นหาคําตอบว่าอะไรเป็นเหตุให้เกิดผลเช่นนั้นได้ และในส่วนของดนตรีกับการขับลํานั้นมีบทบาทและ อิทธิพลต่อพิธีกรรมและการหายจากการเจ็บไข้ได้อย่างไรบ้าง การศึกษาและเก็บข้อมูลเรื่องพิธีกรรมลําทรงในท้องที่หลายหมู่บ้าน หลายตําบลและ เขตจังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดกาฬสินธุ์ และจังหวัดชัยภูมิ กับทั้งได้ศึกษาพิธีกรรมเหยาในเขตจังหวัดมุกดาหาร เพื่อนํามาเปรียบเทียบกันในด้านการจัดพิธีกรรม การใช้ดนตรีประกอบและการใช้ทํานองขับลํา เห็นว่าพิธีกรรมลําทรงชื่อนางดาว พานโน แห่งบ้านพระยืน ตําบลพระยืน อําเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น เป็นกรณีที่ควรน่าศึกษาพิเศษ เนื่องจากเหตุผล 6 ประการ คือ

1. นางดาว พานโน มีบริวารมากกว่าเจ้าพิธีคนอื่น ๆ สังเกตได้จากการจัดพิธีลงข่วงในช่วงตรุษ สงกรานต์ของทุก ๆ ปี จะมีบริวารซึ่งก็คือผู้ที่เคยหายเจ็บไข้จากการบําบัดรักษาของนางดาว พานโน มาชุมนุม กันเพื่อแสดงความกตัญญ มากกว่า 500 คน ในแต่ละปี

2. หมอแคนหรือที่เรียกว่า หมอม้า ของนางดาวมีถึง 7 คน แต่ละคนล้วนมีฝีมือในการเป่าแคนอยู่ใน ระดับชั้นครูทั้งสิ้น ทําให้เสียงแคนไพเราะจับใจผู้เข้าร่วมพิธีกรรม ทําให้หมอลําเกิดอารมณ์ร่วมจนสามารถเปล่ง ถ้อยคําลําร้องออกมาประสมประสานกันได้อย่างกลมกลืนยิ่ง และการลําร้องนั้น ไม่มีการขาดตอนเพราะหมอม้า ทุกคนพร้อมที่จะผัดเปลี่ยนกันสานต่อการบรรเลงแคนอย่างไม่มีจุดสะดุด

3. บทกลอนลําของนางดาว พานโน มีสาระและหลากหลายไม่ซ้ำซากอยู่ที่เดิม มีทั้งคําอ้อนวอน คํา ปลอบโยน คําเล้าโลมใจ คําสั่งสอน และคําอวยพร มีการสอดแทรก ผะหยา สุภาษิต นิทาน และเหตุการณ์ บ้านเมืองในปัจจุบันรวมอยู่ด้วย

4. ทํานองลําของนางดาว พานโน ถูกต้องตามแบบดั้งเดิม ราบรื่น และอ่อนหวาน

5. เสียงของนางดาว พานโน ไพเราะ และชัดถ้อยชัดคํา

6. พิธีกรรมของนางดาว พานโน เคร่งขรึม เคร่งครัด ดําเนินเป็นเรื่องต่อเนื่อง ฟังแล้วน่าจะศักดิ์สิทธิ์

ประวัติย่อนางดาว พานโน

นางดาว พานโน เป็นบุคคลที่สําคัญในการเรียบเรียงเอกสารสารัตถะเล่มนี้ เป็นแม่หมอหรือครูบาหมอลําทรง แห่งบ้านพระยืน ตําบลพระยืน อําเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น

ที่อยู่ : บ้านเลขที่ 358 ถนนพระยืน - ขามป้อม บ้านพระยืน ตําบลพระยืน อําเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น วันเกิด เดือนกรกฎา พ.ศ. 2551 จําวันที่เกิดไม่ได้ แต่จําได้ว่าเป็นวันพุธ ระดับการศึกษา ชั้นประถมปีที่ 4 อาชีพหลัก ทํานา ค้าขาย ขณะนี้กําลังทําไร่นาสวนผสมตามโครงการพระราชดําริ รายได้หลัก ประมาณเดือนละ 10,000 บาท เริ่มเป็นหมอลําทรง เมื่อปี พ.ศ. 2518 ตอนอายุ ได้ 18 ปี นับถึงปี พ.ศ. 2550 ได้ลํามาแล้ว 32 ปี ปีละ ประมาณ 20 ครั้ง รวมถึงปี พ.ศ.2550 ประมาณ 640 ครั้ง จํานวนคนไข้ที่เคยลํารักษาประมาณ 640 คน

สาเหตุของการเป็นหมอลําทรงของนางดาว พานโน
  • จากการสัมภาษณ์นางดาว พานโน ได้รับคําตอบถึงสาเหตุของการเป็นหมอลําทรงของนางดาว พานโน ว่าเป็นเช่นนี้จริง ๆตอนนางดาว พานโน คลอดบุตรคนแรกเมื่อนางอายุได้ 22 ปีนั้น แทบเอาชีวิตไม่รอด เพราะปวดท้อง มากและคลอดอยากจนถึงขั้นสลบ ตอนสลบนั้นได้เห็นผู้หญิงวัยกลางคน คนหนึ่งยื่นอยู่ที่ประตู ผู้หญิงคนนั้น หน้าตาสะสวยท่าทางสง่าแต่งตัวงามแบบโบราณ ห่มผ้าแพรสไบดํา นางอื่นแตงโมลูกหนึ่งให้นางดาวพร้อมกับ บอกให้ผ่าครึ่ง นางดาวได้รับแตงโมมาผ่าครึ่งพอผ่าเสร็จก็รู้สึกว่าตนได้คลอดลูกออกมาพร้อมกับฟื้นขึ้น แต่อีก ไม่นานก็สลบอีก ร้อนถึงสามีและญาติพี่น้องไปตาม “หมอธรรม” (ผู้มีบารมีเหนือผี) เอาฝ้ายกันฝีมาผูกแขนให้ จึงฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งและยังเห็นหญิงงามคนเดิมยืนอยู่ที่เดิมและเรียกชื่อนางคาวว่า “จําปา" แล้วหายไป

  • วันต่อมาขณะนางคาวอยู่ไฟคือนั่งอยู่บนแคร่เหนือกองไฟเพื่อรักษาพยาบาลหลังคลอดบุตรแบบโบราณ นางดาวได้มองเห็นนายทหารหมู่หนึ่งแต่งกายแบบทหารโบราณพากันขึ้นมาเยี่ยมบอกนางดาวว่าพวกตนมาจาก เมืองสิมมาถามสารทุกข์สุขดิบนางดาวแล้วก็พากันกลับไปวันถัดมามีกลุ่มผู้หญิงสวยๆ หลายคนแวะมาเยี่ยมและ ขออุ้มลูกของนางดาว หยอกเฉินลูกนางดาวอยู่พักหนึ่งแล้วก็ลากลับไป ทุกๆคนเรียกนางดาวว่า “จําปา” ทั้งสิ้น

  • นางคาวเล่าเหตุการณ์ที่ตนเองเห็นทั้งหมดเหล่านี้ให้ญาติ และสามีฟัง ทุกคนต่างลงความเห็นว่านางคาว เป็น “บ้าเลือด” คือ แพ้เลือดเพราะคลอด จึงไปเชิญหมอลําทรงมาลํารักษาให้พอได้ยินเสียงลํานางคาวก็ร้องไห้และ ขอห่มแพรสีชมพู พอห่มแล้วก็สลบอีกและฝันว่าตนเองได้ขี่ม้าเหาะเหิรไปเหนือทิวเขาทุกทิวทั่วภาคอีสาน และ ข้ามแม่โขงไปถึงประเทศลาว และฝันว่ามีคนเอาเครื่องหมายยศมาติดบ่าให้

  • หลังจากคลอดลูกและอยู่ไฟครบสิบวันแล้ว นางดาวก็ยังมีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยสามวันดีสี่วันไข้มาโดย ตลอด และได้นําลําทรงมาลําบําบัดรักษาอยู่อีกหลายครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่งครูบาหมอลํา (หัวหน้าคณะ) บอกว่า อาการป่วยของนางดาวจะหายได้ถ้านางดาวจะยอมเป็น “ครูบาหมอลํา” สืบต่อไป ด้วยเหตุที่อยากหายป่วยทั้งนาง คาว สามีและญาติพี่น้องจึงตกลงรับเป็นหมอลําทรงตามที่ครูบาบอกว่านางคาวนี้เป็นร่างทรงของ “นางจําปาทอง

“นางจําปาทอง” คือใคร ?

ครูบาหมอลําบอกนางดาวว่า “นางจําปาทอง”เป็นเจ้าหญิงแห่ง “นครสิมมาทอง” เป็นธิดาของ “พระยาลือสะพัด” หรือ “ลือสะพัด” มีพี่ชายชื่อ “ท้าวสงกา” ท้าวสงกานั้นเป็นผู้ชอบท่องเที่ยว เคยหนีออกจาก เมืองสิมมาทองและนางจําปาทองผู้น้องต้องติดตามมหาจนได้ตัวกลับเมือง

มาวันหนึ่งพระยาลือสะพัดสองทิพเนตรเห็นว่ามีผู้คนเจ็บป่วยกันมาก จึงขอให้ นางจําปาทอง ลงมา เป็นหมอลําเยียวยาคนป่วยไข้ คือรักษาคนไข้ด้วยการลําไม่ใช่ด้วยยา นางจําปาทองรับปากบิดาและขอท้าวสงกา มาเป็นเพื่อนด้วย แต่ท้าวสงกาบอกว่าให้นางจําปาทองมาคนเดียวหากเหลือบ่ากว่าแรงก็ขอให้เรียกหาแล้วพี่สงกา จะลงไปช่วยดังกลอนลําว่า :

“ไปสาน้องจําปาทองนางนาถ คั้นมีการหนักแน่นแสนทวีเอ้าลั่ง มีเหตุเจ้าจังขาน มีการเจ้าจังเอิ้นเชิญอ้ายบ่าวพี่ซาย...”

ด้วยเหตุนี้เมื่อนางดาว พานโน เริ่มพิธีกรรมทุกครั้งจึงได้เริ่มด้วยบทกลอนลําอ้อนวอนและเรียกหา “ พี่สงกา ” ทุกครั้งไป


บรรณานุกรม
  • เรย์ ขันธศิริ. (2528). ดุริยางคศิลปะปริทัศน์(ตะวันออก). กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.

  • เวชขอนแก่น. (2540). โรงพยาบาล โรคจิต. ขอนแก่น: โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่น.

  • จริยางค์. (2523). พระหลักวิชาการดนตรีลากลและการขับร้องเล่ม 1-3. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์กรมแผนที่ทหาร,

  • บ่อคําแสง วงศ์ดาราและคนอื่น ๆ. (1987). วรรณคดีลาว, เวียงจันทน์ : สถาบันค้นคว้า วิทยาศาสตร์สังคม กระทรวงศึกษา ลาว.

  • บุญเกิด พิมพ์วรเมธากุล. (2539). ฮีต คอง คะลํา วิถีของคนล้านช้างและไทยอีสาน.ขอนแก่น : บริษัทเพ็ญพรินติ้ง.

  • ประสิทธิ์ เลียวศิริพงศ์. (2533). ปทานุกรมดนตรีสากล. เชียงใหม่ : ฝ่ายเอกสารการพิมพ์สํานักอธิการวิทยาลัยครูเชียงใหม่.

  • พระครูพรหมฐาณวิกรม. (2539). คู่มือปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน. กรุงเทพมหานคร โรงพิมพ์กรมการศาสนา.

  • พระธรรมธีราชมหามุนี (โชดก ป.ธ.9). (2537). วิธีสมาทานและวิธีวิปัสสนากรรมฐาน.กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์จินดาอักษร.

  • พระราชสุทธิญาณมงคล. (2544). คู่มือการฝึกอบรมพัฒนาจิต. สิงห์บุรี : วัดอัมพวัน.

  • พูนพิศ อมาตยกุล. (2529). “จากเพลงไทยถึงเพลงลูกทุ่ง” ใน จากเพลง ไทยถึงเพลงลูกทุ่ง เอกสารหมายเลข 1. กรุงเทพฯ : ธนาคารกรุงเทพจํากัด.

  • พรชัย ศรีสารคาม. (2522). ก ผญา. มหาสารคาม : วิทยาลัยครูมหาสารคาม,

  • นิคมานนท์. (2539). ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการวิจัย. กรุงเทพฯ : อักษรา พิพัฒน์.

  • ณ ชินะตระกูล. (2533). คู่มือการทําวิจัยทางการศึกษา. กรุงเทพฯ : ภาพพิมพ์.

  • ทูตยสถาน. (2530). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525. พิพ์ครั้งที่ 3 กรุงเทพฯ : สํานักอักษรเจริญทัศน์.

  • เมกาโม พระมหา. (2537). การศึกษาเปรียบเทียบความจริงเรื่องจิตในพระพุทธศาสนาเถรวาทกับจิตในปรัชญาตะวันตกสมัยโบราณ. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

  • วัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่น, (2540). สุขภาพจิตกับวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น 1. ขอนแก่น:ขอนแก่นการพิมพ์ ,

  • สภาวัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่นและสํานักงานศึกษาธิการจังหวัดขอนแก่น. (2540).ของดีอีสาน.ขอนแก่น : ขอนแก่นการพิมพ์,

  • สถาบันการแพทย์แผนไทย. (2541). ชุมนุมแพทย์ไทยและสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 2. นนทบุรี :สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.

  • สวิง บุญเจิม. (2536). มรดกอีสาน. อุบลราชธานี : อีสานออฟเซทการพิมพ์.

  • สุจิตต์ วงษ์เทศ. (2532). ร้องรําทําเพลง. กรุงเทพฯ : สํานักพิมพ์มติชน.

  • สุรศักดิ์ พิมพ์เสน. (2532). การทําแคน. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยรีนครินทรวิโรฒมหาสารคาม.

  • สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช. (2540). ความเข้าใจเรื่องจิต. กรุงเทพฯมหานคร : โรงพิมพ์มหามกุฏราชวทยาลัย.

  • สํานักงานศึกษาธิการจังหวัดขอนแก่น. (2537). ภาษาและวรรณกรรมท้องถิ่น. ขอนแก่น ขอนแก่นการพิมพ์.

  • เสาวนีย์ สังฆโสภณ. (2541). ดนตรีเพื่อสุขภาพ. กรุงเทพฯ : สมชายการพิมพ์.

 
 
 

Comments


bottom of page