ผลที่ได้รับจากการรักษาด้วยหมอลำทรง
- ครู บุญ
- 22 ม.ค. 2565
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 23 ม.ค. 2565
บทความโดย ศ.สำเร็จ คำโมง
ทํานองแคนที่ใช้ในพิธีกรรมล่าทรงคือ ทํานอง “ลายใหญ่” ้ผู้ฟังเกิดอารมณ์ห่อเที่ยวหรือโศกเศร้า จึงมีอิทธิพลทําให้ผู้ฟังทํานองแคนในพิธีกรรมลําทรง เกิดความรู้สึก เธอนซอน " ดังกล่าวมาแล้ว เมื่อรู้สึกออนซอนเมื่อใด เมื่อนั้นอารมณ์และการแสดงออกของชาวไทยลาว ก็จะ เป็นแบบ “ฟังแล้วพิการเป็นมนุษย์ "

สรุปผลที่ทราบจากข้อมูลเกี่ยวกับคนไข้ของนางดาว พานโน
1. ระดับการศึกษา ของคนไข้ ไม่ใช่มีเฉพาะผู้มีวุฒิการศึกษาต่ำเท่านั้น
2. อาชีพ มีทุกสาขาอาชีพ มีมากที่สุด คือ เกษตรกร
3. รายได้ ไม่ใช่เฉพาะคนยากจนเท่านั้น แม้แต่ผู้มีรายได้สูงๆ ก็ยอมรับพิธีกรรม
4. พื้นเพ ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยอีสาน แต่ก็มีมาจากถิ่นไกลตามคําแนะนําของคนรู้จัก
5. วัย ส่วนใหญ่อยู่ในวัยกลางคน มีวัยเด็กและวัยรุ่นเป็นส่วนน้อย
6. ลัทธิความเชื่อ ทั้งหมดนับถือพุทธศาสนาแต่มีความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณและผีสางเทวดาควบคู่ไปด้วย
7. ผลของการบําบัดรักษาด้วยพิธีกรรม บอกว่าตนเองหายป่วยเพราะพิธีกรรมเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์
8. ภูมิหลัง เรื่องสุนทรียะดนตรี นาฏศิลป ทั้งหมดมีความชื่นชอบหรือมีสุนทรียะทางดนตรี อยู่แล้ว แต่ไม่มีโอกาสฝึกหัดบรรเลงด้วยตนเองเท่านั้นนาฏศิลป
9. ภูมิหลังเกี่ยวกับการักษาพยาบาลและรักษาสุขภาพ ทั้งหมดเชื่อและเคยรักษาด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน แต่ไม่มองข้ามการรักษาแบบลําทรงและแบบหมอพื้นบ้าน
10. ความเชื่อเรื่องพิธีกรรม ผู้ที่หายจากการเจ็บป่วยด้วยพิธีกรรมทั้งหมดมีความเชื่อ ไม่ได้ดูหมิ่นหรือลบหลู่พิธีกรรม และเชื่อว่าที่รักษาไม่หายนั้นเป็นเพราะกรรม เฉพาะบุคคลแต่ผู้ที่ไม่หายก็
บทบาทของหมอแคนในพิธีกรรมลําทรง
การจัดพิธีกรรมลําทรงจะขาดคนตรี “cคน” ไม่ได้ ถ้านําหมอแคนซึ่งในพิธีกรรมจะเรียกว่า
“หมอม้า ” มา บรรเลงจริง ยิ่งจะเป็นสีสันชวนให้ผู้เข้าร่วมพิธีกรรมรู้สึกศรัทธา และเกิดอารมณ์คล้อยตามพิธีกรรมและบท เกลอนลําไปจนจบพิธี เพราะหมอแคนตัวจริงสามารถที่จะปรับทํานอง จังหวะ ลีลา ตลอดจนความดังเบาหรือ ไดนามิกของเสียงแคนให้เหมาะสมกับขั้นตอนของพิธีกรรมได้อย่างเหมาะสม มีเจ้าพิธีกรรมหรือคณะหมอลํา ทรงบางคณะใช้เสียงแคนจากเทปอยู่บ้างเหมือนกันเพราะหาหมอแคนลําบากหรือหมอแคนมาร่วมพิธีไม่ได้ พิธีกรรมครั้งนั้น ๆ ของคณะนั้นๆจะกร่อยลงไปอย่างหมดรูป และที่สําคัญอย่างยิ่งก็คือ เจ้าพิธีกรรมและคน ทั้งหลายเชื่อว่าเสียงแคนนั้นเปรียบเสมือน พาหนะ “ม้า” ที่พาเทพลงมาถือทรง และหมอแคนนั้นก็คือ “หมอม้า” หรือ “ผู้ขับม้า” ถ้าขาดเสียงแคนและผู้เป่าแคนไปเสีย เทพและบริวารย่อมไม่มีพาหนะพามา เป็นอันจัดพิธีไม่ได้ หรือไม่สมบูรณ์ อีกประการหนึ่งในทุกขั้นตอนของพิธีกรรมนั้นต้องใช้เสียงแคนคลอดตลอดเวลา จะขาดตอน ไม่ได้ ดังนั้นบางคณะจึงใช้หมอแคนถึง 2-5 คน ผลัดเปลี่ยนกันเป่าไม่ให้เสียงแคนขาดตอน
อิทธิพลของดนตรีแคนต่อพิธีกรรมลําทรง
“เสียงแคนมีอิทธิพลต่อชีวิตจิตใจของคนไทยเชื้อสายลาวอย่างหยั่งรากลึก” คําพูดนี้เป็นที่เข้าใจและ ยอมรับทั่วไปเป็นสามัญแล้วอย่างไม่มีใครโต้เถียง ชาวไทยลาวฟังเสียงแคนแล้วจะเกิดความรู้สึก “ออนซอน” ซึ่ง เป็นความรู้สึกที่จะพอเทียบได้กับความรู้สึกของคนไทยภาคกลางว่า “ซาบซึ้ง” และความรู้สึกของคนตะวันตกว่า “Appreciate” แต่ความรู้สึกออนซอนเป็นความรู้สึกซาบซึ้งที่ดื่มคํา ฝังลึกเข้าไปถึงกันบึงของหัวใจอย่างเป็น อัศจรรย์ ฟังแล้วอาจรู้สึกเศร้าสร้อย รันทด หรือเบิกบาน ร่าเริง สนุกสนาน จนต้องกรีดร้อง ซึ่งตรงตาม ความเห็นของ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ พูนพิศ อมาตยกุล ณ อยุธยา ที่ว่าการฟังดนตรีแบบนี้เป็นการฟังแบบ “ ฟังแล้วพิการเป็นมนุษย์ ” (พูนพิศ อมาตยกุล) 2528) คือ เข้าถึงความสุนทรียะของดนตรีเกินคน ธรรมดาถึงขั้นปล่อยอารมณ์เพ้อคลั่งโศกเศร้า รันทด ร้องไห้ เต้นเร่า กระทืบเท้า วิ่ง เดิน หรือกระทั่งกรีดร้อง และเป็นลม คนไทยลาวฟังเสียงแคนแล้วส่วนใหญ่จะมีอารมณ์ดังกล่าวนี้ ยืนยันจากการได้เห็นวงดนตรีพื้นบ้าน ยังใช้แคนเป็นเครื่องดนตรีสําคัญอยู่จนปัจจุบัน และยังมีช่างทําแคนผลิตแคนออกจําหน่ายอยู่อย่างไม่เคยขาดตอน แสดงว่ายังมีผู้คนนิยมแคนและนิยมเป่าแคนอยู่เหมือนครั้งโบราณ
ถ้ากล่าวตามหลักวิชาการดนตรีก็จะพบเหตุผลที่เป็นวิทยาศาสตร์ว่า เสียงแคนมีอิทธิพลต่อชีวิตจิตใจของ ได้เพราะเป็นเสียงไพเราะ สาเหตุที่เสียงแคนไพเราะ เป็นเพราะคุณภาพของเสียงและเทคนิคการบรรเลงซึ่ง บรรเลงแคนเพียง 1 เต้า เท่ากับการบรรเลงของวงดนตรี 1 วง คือ สามารถบรรเลงครบส่วนทั้งแนว แนวประสานเสียง แนวทํานองสอด จังหวะและทําอัตราความดังเบาของไดนามิก ได้อีกด้วย
ทํานองแคนที่ใช้ในพิธีกรรมล่าทรงคือ ทํานอง “ลายใหญ่” ใช้บรรเลงคลอหรือสนับสนุนการขับลํา ..เล้หลายอ่านหนังสือ” หรือที่มีชื่อเรียกอื่น ๆ ว่า ลายยาว ลายล่อง ลายล) ฯลฯ ทํานองทั้งของแคนและ ของหมอลําล้วนอยู่ในสเกลเสียงหรือมาตราเสียงหมวดไมเนอร์ (Diatonic เinor Inode) อันเป็นหมวดเสียงที่ก่อ 1้ผู้ฟังเกิดอารมณ์ห่อเที่ยวหรือโศกเศร้า จึงมีอิทธิพลทําให้ผู้ฟังทํานองแคนในพิธีกรรมลําทรง เกิดความรู้สึก เธอนซอน " ดังกล่าวมาแล้ว เมื่อรู้สึกออนซอนเมื่อใด เมื่อนั้นอารมณ์และการแสดงออกของชาวไทยลาว ก็จะ เป็นแบบ “ฟังแล้วพิการเป็นมนุษย์ " ดังอธิบายมาแล้ว
บทบาทของหมอลําในพิธีกรรมลำทรง
1. บทบาทต่อความเชื่อถือศรัทธาของมวลชน
เนื่องจากหัวหน้าคณะหรือผู้นําสําหรือครูบาหรือแม่หมอพ่อหมอในพิธีกรรมนั้น ประกาศตนในที่ สาธารณะต่อหน้าคนไข้และเจ้าของไข้ว่า ขณะอยู่ในพิธีกรรมนั้น “เขา” ไม่ใช่ “ตัวเขา” แต่เป็น“ เทพ” หรือ “เทพธิดา” เข้ามา “เทียมร่าง” (หมายความว่ามาอยู่เคียงข้างแล้วบอกให้พูดให้ทํา ให้ฟ้อน ให้ลําไปต่าง ๆ) หรือมา “ทรงร่าง” (คือสิงร่าง) เพื่อช่วยบําบัดรักษา บทบาทนี้จึงทําให้ผู้เข้าร่วมพิธีกรรมเชื่อถือและศรัทธาเป็นเบื้องต้น
2. บทบาทต่อการดําเนินพิธีกรรมตามขั้นตอน
ครูบาหรือแม่หมอพ่อหมอเป็นผู้กําหนดวันเวลา กําหนดขั้นตอนของพิธีกรรม กําหนดเครื่องอุปกรณ์ที่จะ ใช้ในพิธีกรรม และเป็นผู้ดําเนินเรื่องในพิธีกรรมตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งกินเวลาระหว่าง 2 - 4 ชั่วโมง ครูบาหรือ แม่หมอจึงเป็นบุคคลสําคัญที่สุดในพิธีกรรม
อิทธิพลของหมอลําต่อพิธีกรรมลำทรง
1. อิทธิพลต่อคติความเชื่อ
ดังได้กล่าวมาแล้วว่า เมื่ออยู่ในพิธีกรรม “หมอลํา”ไม่ใช่ตัวของเขาเอง แต่เป็นร่างทรงที่ให้เทพหรือ เทพธิดาที่มีชื่อหรือตําแหน่งสูงและมีฤทธิ์มาก มาเทียมหรือมาทรง จึงมีอํานาจต่าง ๆ ที่อาจดลบันดาลให้ผู้คน เปต่าง ๆ ได้ ดังนั้นเมื่อหมอลําบอกเจ้าของใช้และคนไข้ตลอดจนญาติมิตรทําอะไร ทุกคนต้องทําตามโดยไม่มี แข็ง ภาษาหมอลําเรียกว่า “ต้องอ่อนยอม” รับทําทุกอย่างตามแต่หมอลําจะบอก
2. บุคลิกภาพและเสียงลําก็มีอิทธิพล
หมอลําหรือแม่หมอพ่อหมอนั้นถ้ามีบุคลิกภาพดีมีสง่าราศี เสียงดี พูดดี ไหวพริบดี และพร้อมมีอารมณ์ขัน จะมีอิทธิพลเหนือจิตใจของคนไข้และเจ้าของไข้ กับทั้งบริวารและสังคมทั่วไป เป็นอย่างยิ่ง ดังจะเห็นได้จากนางดาว พานโน นับเป็นที่นิยมเลื่อมใสศรัทธาของสังคมอย่างกว้างขวาวเนื่องจาก มีคุณสมบัติครบถ้วนทุกข้อ
บทบาทของกลอนลําในพิธีกรรมลําทรง
หมอลําทรงคณะใดมีกลอนลําดี คือมีสาระชัดเจน มีเนื้อเรื่องต่อเนื่อง มีคํากลอนสละสลวยกินใจและไม่ เป็นเย้อหรือกระท่อนกระแท่น ย่อมเป็นคณะที่ได้รับความนิยมสูง กลอนลําจึงมีบทบาทสําคัญต่อคณะหมอลําทรง เป็นอย่างยิ่ง
กลอนลําก็คือบทเพลงชนิดหนึ่ง กลอนลําที่มีคุณภาพดี ต้องมีเนื้อความดี ฉันทลักษณ์ดี ถ้อยคําดี มี มุขเด็ด ย่อมสามารถแทรกซึมเข้าไปสู่จิตใจ ความรู้สึก อารมณ์ และความทรงจําของผู้ฟังได้เช่นเดียวกับบทเพลง
อิทธิพลของทํานองลําและทํานองแคนที่มีต่อจิตใจของคนไข้
การขับลําประกอบพิธีกรรมลําทรงต้องใช้เสียงแคนคลุกเคล้าทํานองขับลํา ทํานองลํานั้นใช้ทํานอง “อ่านหนังสือ” ซึ่งหมายถึง “ทํานองเสนาะ” ที่คนไทยลาวใช้อ่านบทกวีที่มีฉันทลักษณ์เฉพาะ ดังที่ปรากฏอยู่ใน ตัวอย่าง “กลอนลํา” ทํานองลําอ่านหนังสือนั้นดําเนินอยู่ใน “มาตราเสียงไดอาโทนิก หมวดไมเนอร์” (Diatonic minor scale) มีจังหวะเนิบช้าแบบที่สามารถเอื้อนเสียงลากทํานองหนีจากจังหวะ ควบคุมได้ ดนตรีสากลเรียกว่าเป็นจังหวะ “แบบไม่ควบคุมจังหวะตก” (Non metrical rhythm) ส่วนทํานอง แคนหรือที่มีคําศัพท์เฉพาะเรียกว่า “ลายแคน” ที่ใช้บรรเลงคลอและคลุกเคล้ากับทํานองลํานั้นเล่า ก็ใช้ทํานอง “ลายใหญ่” ซึ่งหมายถึงทํานองที่ดําเนินอยู่ใน “มาตราเสียงไดอาโทนิกหมวดไมเนอร์" เช่นเดียวกันกับทํานองขับ ดา จึงเป็นเหตุให้ผู้ที่ได้ยินได้ฟัง ทั้งคนไข้ คนร่วมพิธีและแม้แต่หมอลําทรงเองเกิดอารมณ์โศกเศร้า ห่อเหี่ยว หววังเวง และรู้สึกลึกลับ ตามมาตราเสียง ยิ่งมีรสแห่งวรรณกรรมกลอนลําที่มีเนื้อหากินใจและปลอบประโลม มาผสมผสาน ยิ่งจะทําให้ผู้ฟังทั้งคนไข้และผู้ร่วมพิธีมีอารมณ์ปลาบปลื้มและตื่นตันใจจนอดที่จะหลั่งน้ำตา ได้ ทั้งโน้ตตัวอย่างทํานองลําและทํานองแคนในหน้าถัดไป
อนึ่ง ในช่วงที่แม่หมอลําเชิญชวนให้คนไข้ และบริวารลุกขึ้นมาฟ้อนรํารอบเครื่องบูชา จังหวะแคน อาจเปลี่ยนแปลงไปเป็นจังหวะตกคงที่ (Metrical rhythm) เร็วประมาณเท่ากับเพลงชั้นเดียวของไทยภาคกลาง หรือประมาณจังหวะมาร์ชของดนตรีสากล โดยใช้ทํานองเดิมที่เรียกว่า “ลายใหญ่” หรืออาจใช้ทํานองอื่นๆ เช่น เดายคอนสวรรค์ ลายเฒ่าเก่า ลายสินไซ ตามแต่สังคีตปฏิภาณของหมอแคนหรือหมอมาผู้กําลังทําหน้าที่อยู่ในขณะนั้น
บรรณานุกรม
เรย์ ขันธศิริ. (2528). ดุริยางคศิลปะปริทัศน์(ตะวันออก). กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.
เวชขอนแก่น. (2540). โรงพยาบาล โรคจิต. ขอนแก่น: โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่น.
จริยางค์. (2523). พระหลักวิชาการดนตรีลากลและการขับร้องเล่ม 1-3. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์กรมแผนที่ทหาร,
บ่อคําแสง วงศ์ดาราและคนอื่น ๆ. (1987). วรรณคดีลาว, เวียงจันทน์ : สถาบันค้นคว้า วิทยาศาสตร์สังคม กระทรวงศึกษา ลาว.
บุญเกิด พิมพ์วรเมธากุล. (2539). ฮีต คอง คะลํา วิถีของคนล้านช้างและไทยอีสาน.ขอนแก่น : บริษัทเพ็ญพรินติ้ง.
ประสิทธิ์ เลียวศิริพงศ์. (2533). ปทานุกรมดนตรีสากล. เชียงใหม่ : ฝ่ายเอกสารการพิมพ์สํานักอธิการวิทยาลัยครูเชียงใหม่.
พระครูพรหมฐาณวิกรม. (2539). คู่มือปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน. กรุงเทพมหานคร โรงพิมพ์กรมการศาสนา.
พระธรรมธีราชมหามุนี (โชดก ป.ธ.9). (2537). วิธีสมาทานและวิธีวิปัสสนากรรมฐาน.กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์จินดาอักษร.
พระราชสุทธิญาณมงคล. (2544). คู่มือการฝึกอบรมพัฒนาจิต. สิงห์บุรี : วัดอัมพวัน.
พูนพิศ อมาตยกุล. (2529). “จากเพลงไทยถึงเพลงลูกทุ่ง” ใน จากเพลง ไทยถึงเพลงลูกทุ่ง เอกสารหมายเลข 1. กรุงเทพฯ : ธนาคารกรุงเทพจํากัด.
พรชัย ศรีสารคาม. (2522). ก ผญา. มหาสารคาม : วิทยาลัยครูมหาสารคาม,
นิคมานนท์. (2539). ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการวิจัย. กรุงเทพฯ : อักษรา พิพัฒน์.
ณ ชินะตระกูล. (2533). คู่มือการทําวิจัยทางการศึกษา. กรุงเทพฯ : ภาพพิมพ์.
ทูตยสถาน. (2530). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525. พิพ์ครั้งที่ 3 กรุงเทพฯ : สํานักอักษรเจริญทัศน์.
เมกาโม พระมหา. (2537). การศึกษาเปรียบเทียบความจริงเรื่องจิตในพระพุทธศาสนาเถรวาทกับจิตในปรัชญาตะวันตกสมัยโบราณ. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
วัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่น, (2540). สุขภาพจิตกับวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น 1. ขอนแก่น:ขอนแก่นการพิมพ์ ,
สภาวัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่นและสํานักงานศึกษาธิการจังหวัดขอนแก่น. (2540).ของดีอีสาน.ขอนแก่น : ขอนแก่นการพิมพ์,
สถาบันการแพทย์แผนไทย. (2541). ชุมนุมแพทย์ไทยและสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 2. นนทบุรี :สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.
สวิง บุญเจิม. (2536). มรดกอีสาน. อุบลราชธานี : อีสานออฟเซทการพิมพ์.
สุจิตต์ วงษ์เทศ. (2532). ร้องรําทําเพลง. กรุงเทพฯ : สํานักพิมพ์มติชน.
สุรศักดิ์ พิมพ์เสน. (2532). การทําแคน. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยรีนครินทรวิโรฒมหาสารคาม.
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช. (2540). ความเข้าใจเรื่องจิต. กรุงเทพฯมหานคร : โรงพิมพ์มหามกุฏราชวทยาลัย.
สํานักงานศึกษาธิการจังหวัดขอนแก่น. (2537). ภาษาและวรรณกรรมท้องถิ่น. ขอนแก่น ขอนแก่นการพิมพ์.
เสาวนีย์ สังฆโสภณ. (2541). ดนตรีเพื่อสุขภาพ. กรุงเทพฯ : สมชายการพิมพ์.
ความคิดเห็น