top of page

ปรัชญาในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสาน

อัปเดตเมื่อ 23 ม.ค. 2565

บทความโดย บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย
ปรัชญาในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสาน The Philosophy in Lam Poetry of Isan Molamklon Singers

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปรัชญาในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสาน เป็นการวิจัย เชิงคุณภาพ โดยศึกษาข้อมูลทั้งจากเอกสารและจากการลงพื้นที่สัมภาษณ์กลุ่มผู้รู้ ผู้ปฏิบัติ และกลุ่มผู้เกี่ยวข้อง แล้วจึงนำข้อมูลที่ได้มาทำการวิเคราะห์โดยใช้กรอบการวิเคราะห์ตามทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง ในเชิงพรรณนาวิเคราะห์

ผลการศึกษา พบว่า ปรัชญาในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสาน พบว่า มีอยู่ 3 แนวคิด คือ 1. แนวคิดเชิงอภิปรัชญา ได้แก่ 1) จิตหรือวิญญาณให้เข้าใจถึงสัจธรรมการเกิดและดับของสังขาร และ 2) แนวคิดเรื่องกฎแห่งกรรม เน้นย้ำให้ทำบุญละเว้นความชั่ว 2. แนวคิดเชิงญาณวิทยา ได้แก่ 1) ความรู้ระดับวิญญาณ เป็นภาพวิถีชีวิตของคนอีสานที่เรียบง่าย 2) ความรู้ระดับสัญญา ชาวอีสานเข้าใจเรื่องการคอรัปชั่นของนักการเมืองจนบันทึกไว้ในความทรงจำมาจนถึงทุกวันนี้ 3) ความรู้ระดับทฤษฎี เป็นกฎระเบียบของสามีภรรยาชาวอีสาน ที่ควรรู้ในการใช้ชีวิตร่วมกัน และ3. แนวคิดเชิงจริยศาสตร์ ได้แก่ 1) หลักจริยธรรมชีวิตและสังคม การปฏิบัติตามกฎกติกาการอยู่ร่วมกันภายในสังคมอีสาน 2) หลักจริยธรรมการเมืองการปกครอง เป็นคุณธรรมที่นักการเมืองควรรู้ และนำไปปฏิบัติเมื่อได้เป็นนักการเมือง 3) หลักจริยธรรมพุทธปรัชญาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ตามหลักจริยธรรมของคนในสังคมอีสาน

1. บทนำ

หมอลำ เป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้านของภาคอีสานในประเทศไทย ที่อาศัยผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และความชำนาญในการท่องจำบทกลอนลำจากวรรณกรรมพื้นบ้าน ที่ประพันธ์ขึ้นด้วยสำนวนภาษาถิ่นอีสานโดยมีแคนเป็นเครื่องดนตรีเป่าประกอบ และสามารถถ่ายทอดให้ชาวบ้านฟังอย่างเข้าใจ (ธวัช ปุณโณทก, 2537) หมอลำมีหลายประเภทด้วยกัน ได้แก่ หมอลำผีฟ้า หมอลำพื้น หมอลำกลอน หมอลำโจทย์-แก้ หมอลำเรื่องต่อกลอน หมอลำเพลิน หมอลำชิงชู้ หมอลำเพลิน และหมอลำซิ่ง หมอลำที่กล่าวมาข้างต้น นอกจากจะให้ความบันเทิงแก่ผู้ชมแล้ว ก็ยังมีหมอลำอีกกลุ่มได้ใช้กลอนลำเป็นสื่อถ่ายทอดความรู้ที่หลากหลายให้กับผู้ชมตลอดมาหมอลำที่กล่าวนี้ถึง คือ หมอลำกลอนนั่นเอง

หมอลำกลอนนั้น ทำการแสดงลำเป็นคู่ โต้ตอบกันระหว่างชายหญิง เน้นเนื้อหาบทกลอนเป็นสำคัญ ซึ่งอาจเกี่ยวกับเหตุการณ์ สังคม ประเพณี และวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในขณะนั้น หรืออาจเป็นบทกลอนทางประวัติศาสตร์ก็ได้ โดยนำแคนเข้ามาประกอบในขณะลำ การแสดงหมอลำกลอนมีแบบแผนหรือเรียกว่า ขนบ (บัณฑิตวงค์ ทองกลม, 2539) กลอนลำของหมอลำกลอนมีเนื้อหาที่สะท้อนด้านสังคมและวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี องค์ความรู้ที่หมอลำกลอนถ่ายทอดนั้น มักบันทึกไว้ในกลอนลำ ซึ่งกลอนลำ คือ บทร้อยกรองอีสานที่หมอลำนำไปลำ เนื้อหากลอนลำนำมาจากวรรณคดีท้องถิ่นอีสาน มีสัมผัสระหว่างวรรค เนื้อหาสาระให้ความหมายเป็นสำคัญ กลอนลำของหมอลำกลอนมีเนื้อหาสาระและภาพสะท้อนทางสังคม ได้แก่ การเมือง การปกครอง ประวัติศาสตร์ การศึกษา ภาพสะท้อนด้านวัฒนธรรม ได้แก่ ความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะการแสดง การดำเนินชีวิต เป็นต้น ซึ่งมีนักวิชาการ สันนิฐานว่ากลอนลำอาจพัฒนามาจากผญา ซึ่งผญาเป็นคำพูดโวหารในเชิงเปรียบเทียบอุปมาอุปไมย โดยเฉพาะผู้อาวุโสมักจะสอนลูกหลานด้วยคำพูดที่เป็นคติ คำคม สุภาษิต (ฉลอง พันธ์จันทร์, 2549 อ้างใน สุเนตร วีระภัทร, 2538) ซึ่งคำว่า ผญา อาจเปรียบได้ว่าเป็นปรัชญาของคนอีสานนั่นเอง

ปรัชญานั้นมีความหมายว่า ความรู้อันประเสริฐ (ทองหล่อ วงษ์ธรรมา, 2549) ปรัชญามีขอบเขต 3 แบบ คือ อภิปรัชญา ได้แก่ สสารนิยม จิตนิยม ทวินิยม ญาณวิทยา ได้แก่ เหตุผลนิยม ประจักษนิยม เทพนาการนิยม และคุณวิทยา ได้แก่ จริยศาสตร์ สุนทรียศาสตร์ ตรรกศาสตร เทววิทยา ซึ่งอภิปรัชญาจะศึกษาถึงสิ่งแท้จริง อันเป็นลักษณะของอันติมะสัจจะ ส่วนญาณวิทยาจะศึกษาถึงองค์ความรู้ของมนุษย์ และคุณวิทยาจะศึกษาถึงคุณค่าของมนุษย์ ปรัชญาสามารถจัดระบบปรัชญา ออกเป็น 2 ระบบ คือ ปรัชญาบริสุทธิ์ และปรัชญาประยุกต์ (ปานทิพย์ ศุภนครและคณะ, 2542)

จากความหมายของปรัชญาที่ว่าด้วยหลักแห่งความรู้ และหลักแห่งความจริงนี้ จึงมีผู้ที่สนใจในการศึกษาวิจัยแนวคิดเชิงปรัชญาที่ปรากฏอยู่เฉพาะในวรรณกรรม ซึ่งมีขอบเขตจำกัดในการเผยแพร่ผลงานให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และมีเนื้อหาสาระให้ศึกษาเพียงไม่กี่ประเด็นเท่านั้น ผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะทำการศึกษาวิจัยเรื่อง ปรัชญาในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสาน ซึ่งยังไม่เคยปรากฏผู้ศึกษาวิจัยในประเด็นนี้มาก่อน ซึ่งกลอนลำของหมอลำกลอนอีสานมีจุดเด่น คือ ช่วยบันทึกเรื่องราวของคนอีสานผ่านกลอนลำไว้ มีเนื้อหาสาระครอบคลุมทั้งสังคมและวัฒนธรรมของคนอีสานอีกด้วย ซึ่งภาพสะท้อนทางด้านสังคมและวัฒนธรรมอีสานเหล่านั้น ก็เปรียบกับปรัชญาของคนอีสานนั้นเอง ในปัจจุบันมีการแสดงหมอลำกลอนมีมากขึ้นและกลุ่มที่สนใจหมอลำก็มีมากตามไปด้วย แต่ยังขาดผู้ที่ศึกษาวิจัยให้กลอนลำเกิดระบบและยกระดับองค์ความรู้ของหมอลำไว้

ในปัจจุบันนี้พบว่า ผู้ประพันธ์กลอนได้มีจำนวนจำกัดลง จึงส่งผลกระทบต่อจำนวนกลอนลำของหมอลำกลอนมีจำกัดตามไปด้วย (พงษ์ศักดิ์ ฐานสินพล, 2556) ซึ่งกลอนลำมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์โดยได้บันทึกเนื้อหาสังคมและวัฒนธรรมอีสานไว้มาอย่างยาวนาน เมื่อจำนวนผู้สืบทอดลดน้อยลง ผู้ที่เป็นศิลปินหมอลำก็ย่อมขาดการถ่ายทอดความรู้ด้านการประพันธ์กลอนลำที่เป็นระบบตามไปด้วยเช่นกัน ดังนั้น ผู้วิจัยจึงต้องการศึกษา “คุณค่าสูงสุดของกลอนลำ” ที่มีต่อสังคมอีสาน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการศึกษาการเปิดหลักสูตรอบรมการประพันธ์กลอนลำ เพื่อผลิตผู้ประพันธ์กลอนลำให้เพิ่มมากขึ้น หรือประเด็นอื่น ๆ ที่อาจพบในการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ต่อไป

จากความเป็นมาและความสำคัญของการวิจัยดังกล่าว ผู้วิจัยจึงได้สนใจศึกษาวิจัยเรื่อง ปรัชญาในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสาน เพื่อศึกษาปรัชญาในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสาน ประโยชน์ที่ได้จากงานวิจัยเรื่องนี้ คือ ได้แนวคิดเชิงปรัชญาในการการประพันธ์กลอนลำของคนอีสานในสมัยก่อน จนสามารถนำมายึดปฏิบัติเป็นปรัชญาการดำเนินชีวิตของชาวอีสาน ที่สืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น รวมทั้งสามารถบันทึกเป็นหลักฐานของชาติต่อไป

2. วัตถุประสงค์

เพื่อศึกษาปรัชญาในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสาน

3. วิธีดำเนินการวิจัย

การศึกษาวิจัยนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการวิจัย เรื่องปรัชญาในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสาน ผู้วิจัยใช้วิธีการศึกษาเชิงคุณภาพ (Qualitative research) ซึ่งมีขั้นตอน ดังนี้

1. ประชากรกลุ่มเป้าหมาย ที่ใช้ศึกษาในการวิจัยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มเป้าหมายที่เป็น กลอนลำ จำนวน 45 กลอน โดยผู้วิจัยได้เลือกกลอนลำด้วยวิธีการเลือกแบบเจาะจง ประกอบด้วย ลำทางสั้น ลำทางยาวและ ลำเต้ยเท่านั้น 2) กลุ่มเป้าหมายที่เป็น ผู้รู้ ผู้ปฏิบัติ และผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กลุ่มที่เป็นนักวิชาการ จำนวน 1 คน คือ ดร.พรสวรรค์ พรดอนก่อ และกลุ่มที่เป็นปราชญ์ชาวบ้านและมีตำแหน่งเป็นศิลปินแห่งชาติ จำนวน 2 คน คือ ได้แก่ ดร.ฉวีวรรณ พันธุ (ดำเนิน) และหมอลำฉลาดน้อย ส่งเสริม กลุ่มผู้ปฏิบัติ จำนวน 8 คน ได้แก่ หมอลำฉวีวรรณ ดำเนิน หมอลำบุญช่วง เด่นดวง หมอลำป.ฉลาดน้อย ส่งเสริม หมอลำมีฤทธิ์ ปัญญาวงค์ หมอลำจำนง ฤาชา หมอลำกิ่งแก้ว ขันแข็ง หมอลำปรีดา แก้วเสด็จ และหมอลำจินตนา เย็นสวัสดิ์ และกลุ่มผู้เกี่ยวข้อง คือ กลุ่มลูกศิษย์ของหมอลำกลอน

2. ศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้อ้างผลการวิจัย ได้แก่ องค์ความรู้ด้านสังคม และวัฒนธรรมของอีสาน

ความรู้เกี่ยวกับ ปรัชญา หมอลำ กลอนลำ และหมอลำกลอน แนวคิดทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

3. ศึกษารวบรวมข้อมูลโดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ โดยศึกษาจากเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ใช้แบบสังเกตชนิดไม่มีส่วนร่วม เพื่อสังเกตอุปกรณ์ที่ใช้บันทึกข้อมูลกลอนลำ ใช้แบบสัมภาษณ์ชนิดมีโครงสร้าง เพื่อใช้สัมภาษณ์รวบรวมข้อมูล ประวัติกลอนลำ ปรัชญาในกลอนลำ

4. การวิเคราะห์ข้อมูลและแปลผลข้อมูลโดยวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ ถอดเทป และใช้วิธีการแปลความ การตีความ ใช้เทคนิคการตรวจสอบแบบสามเส้า และนำเสนอข้อมูลโดยการพรรณนาวิเคราะห์

4. ผลการศึกษา

จากการศึกษาปรัชญาในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสาน เนื้อหากลอนลำได้สะท้อนสังคมและวัฒนธรรมอีสานอยู่หลายแห่งเช่นกัน ดังนั้น การศึกษาปรัชญาในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสานจึงได้ใช้เนื้อหากลอนลำ จำนวน 99 แห่ง จากกลอนลำทั้งหมด 45 กลอน ดังแผนภาพ ต่อไปนี้

ภาพที่ 1 แสดงจำนวนบทกลอนลำที่ปรากฏแนวคิดเชิงปรัชญา

ภาพที่ 2 ตัวอย่างการแสดงหมอลำกลอน

ภาพที่ 3 ตัวอย่างกลอนลำ

ผลการศึกษา พบว่า

1. แนวคิดเชิงอภิปรัชญา

จากการวิเคราะห์แนวคิดเชิงอภิปรัชญาที่ปรากฏอยู่ในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสาน พบว่า มีอยู่ 2 ลักษณะ คือ จิตหรือวิญญาณ และแนวคิดเรื่องกฎแห่งกรรม (พุทธปรัชญาที่มีต่อทัศนะทางอภิปรัชญา)

จิตหรือวิญญาณ ที่ปรากฏในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสาน มีจำนวน 17 กลอน พบว่า มนุษย์โลกทั้งปวงไม่มีใครหลีกหนีความตายไปได้ ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ระดับชาวบ้านธรรมดา เจ้าเมือง หรือแม้กระทั้งองค์สมเด็จพระพุทธเจ้า โดยมีสังขารเสื่อมไปตามกาลเวลา แต่สิ่งที่ยังเหลืออยู่ คือ วิญญาณ หรือจิต และคนอีสานมีความเชื่อว่าหากยังมีชีวิตอยู่ควรหมั่นสร้างบุญกุศล ทำบุญ กระทำแต่กรรมดีอยู่สม่ำเสมอ เมื่อตายไปแล้ววิญญาณ หรือจิต จะได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี ดังตัวอย่างเนื้อหากลอนลำเฉลยปัญหาธรรมตอนที่ 2 ของหมอลำฉวีวรรณ พันธุ (ดำเนิน) ได้กล่าวว่า

อายุคนนับมื้อจั้น หันหม่อตามไป ไผ๋กะคงคือกันบ่ว่าฉันหรือท่าน พวกขอทานหรือนายห้างโตบังเฒ่าแก่ใหญ่ ไปบ่อนเดียวท่อนั้น บ่มีม้มชื่อว่าตาย ละเพิ่นว่าคนมีบุญไปทีหลังผู้บาปไปนำหน้า มีแต่ดินกับฟ้าของยืนยงอยู่คือเก่า ธรณีแม่เจ้าถมหน้าว่าเทื่อไป” (หมอลำฉวีวรรณ พันธุ (ดำเนิน), กลอน เฉลยปัญหาธรรม ตอนที่ 2, 2528)

แนวคิดเรื่องกฎแห่งกรรม (พุทธปรัชญาที่มีต่อทัศนะทางอภิปรัชญา) แนวคิดอภิปรัชญา ที่เกี่ยวกับแนวคิดเรื่องกฎแห่งกรรมที่ปรากฏในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสาน มีจำนวน 8 กลอน พบว่า กรรมเป็นการกระทำเป็นพฤติกรรมที่ออกมาจากทางกาย และวาจาถูกกลั่นกรองออกมาจากจิตใจสั่งให้ทำ ชาวอีสานมีความเชื่อว่าตัวเสริมของกรรมให้ปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดี คือ การทำบุญ บริจาคทาน และพัฒนาจิตให้อยู่ในศีลธรรมอันดีเสมอต้นเสมอปลายดังตัวอย่างเนื้อหากลอนลำพระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยะสัจ4 ของหมอลำสุทธิสมพงษ์ สะท้านอาจ ได้กล่าวว่า

จตุปปาตะญาณนั้นได้เถิงเขตยามสอง พระองค์เล็งญาณเห็นมนุษย์คนเฮานี้ เกิดมาดีมาฮ้ายเป็นนำกรรมหลายอย่าง มีสุขบ้างทุกข์บ้างกรรมสร้างต่างกัน เพราะว่ากรรมนี้นั้นตกแต่ง” (หมอลำสุทธิสมพงษ์ สะท้านอาจ, กลอน พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยะสัจ4, 2505)

2. แนวคิดญาณวิทยา

จากการวิเคราะห์แนวคิดญาณวิทยาตามแนวพุทธปรัชญาที่ปรากฏอยู่ในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสาน พบว่า มีอยู่ 3 ระดับ คือ ความรู้ระดับวิญญาณ ความรู้ระดับสัญญา และความรู้ระดับทฤษฎี

ความรู้ระดับวิญญาณ เป็นความรู้ที่รับรู้ได้ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ หรือ อินทรีย์ทั้งหก ปรากฏในกลอนลำจำนวน 12 กลอน สังคมอีสานมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อาชีพหลักคือทำไร่ทำนา เนื้อหากลอนลำได้กล่าวถึงสังขารมนุษย์เรื่อง เกิด แก่ เจ็บ และตาย เป็นของธรรมชาติ เพื่อให้เตือนทำบุญกุศลเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ดังตัวอย่างเนื้อหากลอนลำวัฒนธรรมเสื่อม ของหมอลำสุทธิสมพงษ์ สะท้านอาจ ได้กล่าวว่า

การศึกษาว่านี้สิเรียนต่ำหรือสูง และเงินคำบ่มีก็ซอกหาจนได้ อันความหมายอยากให้ลูกสาวโตมีค่า หมู่เขาจบปริญญาลูกสาวโตก็อยากให้เสมอด้ามดังเขา” (หมอลำสุทธิสมพงษ์ สะท้านอาจ, กลอน วัฒนธรรมเสื่อม, 2519)

ความรู้ระดับสัญญา เป็นความรู้ที่ถูกบันทึกไว้ในความจำของมนุษย์ เพื่อเป็นวัตถุดิบของความคิดต่อไป ปรากฏในกลอนลำจำนวน 15 กลอน คนอีสานมีความทรงจำที่ฝั่งแน่นจากภาพความยากจนในอดีตจึงทำให้คนอีสานขยันทำงานหนักเอาเบาสู้มาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้เนื้อหากลอนลำยังได้กล่าวถึง การทุจริตคอรับชั่นในภาพของนักการเมืองที่เปรียบเหมือนชุดความรู้ซ้ำ ๆ เกี่ยวกับภาพจน์ของนักการเมืองที่ทุกคนจะเข้าใจในความหมายเดียวกันคือ โกงกินบ้านเมือง อยู่เสมอมา ดังตัวอย่างเนื้อหากลอนลำความแตกสามัคคี ของหมอลำสุทธิสมพงษ์ สะท้านอาจได้กล่าวว่า

นักการเมืองบ่สิ้นคนเก่าสกปรก เว้าบ่ฟังความกันวุ่นวายอยู่เดียวนี้ อีกจักปีจั่งสิแล้วประชาชนเขาเบื่อ แก้ไขความเดือดร้อนมันฮ้อนกว่าแต่หลัง เบิ่งเป็นหยังสู่มื้อบ่ได้ดังความประสงค์ มันขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่บ่เซาเดียวนี้ ลางวันดีลางวันฮ้าย เป็นนำไผเจ้าว่า ประชาชนบ่ชา ปากก็ปากบ่ได้เห็นแล้วเบิ่งเอา “(หมอลำสุทธิสมพงษ์ สะท้านอาจ, กลอน ความแตกสามัคคี, 2513)

ความรู้ระดับทฤษฎี เป็นความเข้าใจตามแนวคิดหลักการของตนเองที่สรุปเป็นทัศนะเทียบได้กับทฤษฎีจะมีเหตุผลหรือไม่ก็ตาม ปรากฏในกลอนลำจำนวน 4 กลอน คนอีสานสมัยก่อนจะมีคำสอนไว้เพื่อให้สังคมนั้นได้ใช้เป็นกรอบในการประพฤติปฏิบัติ คำสอนเหล่านี้จะถูกเขียนขึ้นมาในเชิงข้อห้ามหรือคำสั่ง เช่นคำสอนชายที่เป็นสามีห้ามเล่นการพนันเพราะเป็นอบายมุขอาจทำให้ครอบครัวแตกร้าง ส่วนคำสอนหญิงที่เป็นภรรยาโดยให้ดูแลช่วยเหลือพ่อหรือแม่ของสามี เป็นต้น และเนื้อหากลอนลำก็ได้กล่าวถึงให้คนอีสานนั้นได้ปฏิบัติคำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อเป็นแนวทางในการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข ซึ่งคำสอนเหล่านี้เป็นทัศนะที่ถูกกลั่นกรองขึ้นด้วยความรู้ความเข้าใจในบริบทของสังคมนั้นเทียบได้กับทฤษฎีสามารถนำมาปฏิบัติได้ ดังตัวอย่างเนื้อหากลอนลำเฉลยปัญหาธรรม ตอนที่ 2 ของหมอลำฉวีวรรณ พันธุ (ดำเนิน) ได้กล่าวว่า

เพิ่นว่าอยากกินข้าว ให้ปลูกใส่พลานหิน อยากมีศีลให้ฆ่าพ่อตีแม่ คันอยากมีผู้แวให้ฆ่าเพื่อนเดียวกัน คันอยากมีสีสันให้นอนดินเกือกฝุ่น คันแม่นเจ้าอยากอุ่นให้อาบน้ำยามหนาว อยากกินส้มปลาขาวให้แบกปืนขึ้นโคก อยากกินต้มไก่โอ้กให้สักสุ่มลงหนอง คองปัญหาเฉลยไว้เป็นแนวทางอันโปรยหว่าน เฮาทำทานคันสู่มื้อ คือได้สร้างแต่ส่วนดี” (หมอลำฉวีวรรณ พันธุ (ดำเนิน), กลอน เฉลยปัญหาธรรม ตอนที่ 2, 2531)

3. แนวคิดเชิงจริยศาสตร์

จากการวิเคราะห์แนวคิดเชิงจริยศาสตร์ที่ปรากฏอยู่ในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสาน พบว่า แนวคิดเชิงจริยศาสตร์ มีอยู่ 3 ประเภท คือ หลักจริยธรรมชีวิตและสังคม หลักจริยธรรมการเมืองการปกครอง และหลักจริยธรรมพุทธปรัชญา

หลักจริยธรรมชีวิตและสังคม แนวคิดเชิงจริยศาสตร์ที่เกี่ยวกับหลักจริยธรรมชีวิตและสังคมที่ปรากฏในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสาน มีจำนวน 10 กลอน พบว่า คนอีสานยังมีความเชื่อในเรื่องของวิญญาณด้วย โดยเชื่อว่าหากญาติที่เป็นปู่ย่า ตายาย ล่วงลับไปแล้วก็จะคอยมาปกปักคุ้มครองลูกหลานต่อไป โดยวิญญาณอาจไปอยู่ตามท้องไร่ท้องนาก็ได้ ชาวอีสานจึงมีประเพณีที่จะได้ทำบุญใหญ่ให้แก่ผีญาติให้ได้รับส่วนบุญกุศลต่อไป ดังตัวอย่างเนื้อหากลอนลำบุญข้าวประดับดิน ของหมอลำสุทธิสมพงษ์ สะท้านอาจ ได้กล่าวว่า

บาดนี้ช้อนกลอนเก่าเฮาลึบ คนบ่ลืมความหลังจั่งเป็นมานั้น จั่งทำบุญเดือนเก้าประดับดินสืบต่อ เท่ากาละสู่มื้อถือไว้ฮีตครองบุญอันนี้พี่น้องเฮ็ดอยู่มาดน เฮ็ดสู่ผู้สู่คนโลดบ่มีไผเว้น คือเห็นความคือเว้าพระองค์เฮาเพิ่นว่า บาดห่าหลานลูกเต้าเฮานั้นผู้ล่วงไป” (หมอลำสุทธิสมพงษ์ สะท้านอาจ, กลอน บุญข้าวประดับดิน, 2506)

หลักจริยธรรมการเมืองการปกครอง แนวคิดเชิงจริยศาสตร์ที่เกี่ยวกับหลักจริยธรรมการเมืองการปกครองที่ปรากฏในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสาน จำนวน 9 กลอน ได้แก่ 1. ตัวผู้ปกครองเอง มีจำนวน 5 กลอน และ 2. วิธีการปกครอง มีจำนวน 4 กลอน มีรายละเอียดังนี้

ตัวผู้ปกครองเอง ผู้ปกครองบ้านเมืองย่อมต้องมีหลักจริยธรรม สัมบูรณนิยม ซึ่งเป็นความดีที่ตายตัวโดยไม่มีเงื่อนไข และในทางตรงกันข้าม หากผู้นำขาดภาวะก็อาจขาดคุณสมบัติเป็นผู้นำประเทศแบบมโนธรรมสัมบูรณ์ หมายถึง ผู้ปกครองเลือกปฏิบัติในทางชอบหรือมิชอบก็ได้ ส่วนผู้นำที่นำหลักทศพิธราชธรรมมาใช้กับประชาชนจะเป็นจริยธรรม สัมบูรณนิยม ซึ่งเป็นความดีที่สมบูรณ์แบบโดยไม่มีเงื่อนไข ดังตัวอย่างเนื้อหากลอนลำเทิดไท้พระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ ของหมอลำมีฤทธิ์ ปัญญาวงษ์ ได้กล่าวว่า

เสด็จเยี่ยมไพร่ฟ้าไปทั่วแดนสยามดำเนินตามเศรษฐกิจใจพอเพียงเรื่องพ่อหลวงได้ตรัสไว้ ใกล้หรือไกลเสด็จทั่วหัวเมืองเทิ่งน้อยใหญ่ พระเจ้าอยู่หัววางพระราชหฤทัย โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ไปแทนได้ทุกงาน” (หมอลำมีฤทธิ์ ปัญญาวงษ์, กลอน เทิดไท้พระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ, 2550)

วิธีการปกครอง บ้านเมืองของผู้ปกครองนั้นก็ย่อมมีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นการบริหารบ้านเมืองให้ก้าวหน้านี้เรียกว่า สัมบูรณนิยม คือ การทำความดีโดยไม่มีเงื่อนไข เป็นความดีสูงสุดที่ผู้ปกครองในระบอบกษัตริย์ได้ทำสืบมา ซึ่งพระราชกรณียกิจของพระมหกกษัตริย์นั้นจะเห็นได้จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่มีโครงการมากกว่าสี่พันกว่าโครงการ โดยแต่ละโครงการล้วนแล้วแต่เป็นโครงการใช้เหลือประชาชนทั้งสิ้น สัมบูรณนิยม เป็นความดีสูงสุดโดยไม่มีเงื่อนไข ดังตัวอย่างเนื้อหากลอนลำการใช้ชีวิตในยุคเศรษฐกิจพอเพียง ของหมอลำมีฤทธิ์ ปัญญาวงษ์ ได้กล่าวว่า

สาเหตุเกิดขึ้นเพราะใช้จ่ายเกินพอดี ห่าบางทีลงทุนจ่ายเงินรายได้ พายต่อไปเรือเลยล่มจมลงแม่น้ำใหญ่ พระพ่อหลวงปวงไทยทรงเป็นห่วงอยู่บ่แล้วหาแนวแก้แก่ประชา พระราชทานแก่ไพร่ฟ้าชี้ช่องคองวิถี ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงเรื่องพระองค์ตรัสไว้” (หมอลำมีฤทธิ์ ปัญญาวงษ์, กลอน การใช้ชีวิตในยุคเศรษฐกิจพอเพียง, 2558)

หลักจริยธรรมพุทธปรัชญา แนวคิดเชิงจริยศาสตร์ที่เกี่ยวกับหลักจริยธรรมพุทธปรัชญาที่ปรากฏในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสาน มีจำนวน 24 กลอน พบว่า ตัวอย่างจริยธรรมของผู้แทนราษฎร์ ผู้ที่จะมาบริหารบ้านเมืองย่อมต้องได้รับการยอมรับจากประชาชน ผู้แทนราษฎร์ควรมีจริยธรรมไม่หลอกลวงประชาชนโดยปราศรัยให้ความหวังประชาชนแล้วไม่สามารถทำปฏิบัติตามสิ่งที่เคยกล่าวไว้ได้ และควรสร้างประโยชน์ต่อสังคม ดังตัวอย่างกลอนลำที่มีเนื้อหาเชิงจริยธรรมของผู้แทนราษฎร์ ในกลอนลำความแตกสามัคคี ของหมอลำสุทธิสมพงษ์ สะท้านอาจ ได้กล่าวว่า

อันประชาธิปไตยการศึกษาสู่มื้อคนฮู้ทั่วไป ตั้งแต่กี้นั้นได้คนบ่เก่งการศึกษา ปัญญาก็บ่หลายจั่งสมัยเดียวนี้ เกิดคนดีหลายล้นเต็มไปทั่วประเทศ ผิดถูกเขาก็ฮู้เสมอด้ามดั่งกัน เดี่ยวนี้เจ้าหลายหมู่เป็นคณะ เลยบ่ฟังความพระเทศนาสอนชี้ มันสิดีหรือฮ้ายทำนายก็บ่ถืก อนาคตข้างหน้าให้รอถ้าเบิ่งเอา” (หมอลำสุทธิสมพงษ์ สะท้านอาจ, กลอน ความแตกสามัคคี, 2513)

แผนภาพการนำองค์ความรู้แนวคิดเชิงปรัชญาในกลอนลำไปใช้ประโยชน์

ภาพที่ 4 การนำองค์ความรู้แนวคิดเชิงปรัชญาในกลอนลำไปใช้ประโยชน์

5. สรุปผลและอภิปรายผล

จากการศึกษาวิจัยเรื่อง ปรัชญาในกลอนลำของหมอลำกลอนมีประเด็นสำคัญสามารถอภิปรายผล ได้ดังนี้

แนวคิดเชิงอภิปรัชญาในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสาน ด้านจิตหรือวิญญาณ พบว่า มนุษย์ทั้งปวงไม่มีใครหนีพ้นความตายไปได้ ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ระดับชาวบ้านธรรมดาหรือชนชั้นปกครอง แต่สิ่งที่ยังเหลืออยู่ คือ วิญญาณ หรือจิต ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของอารียา แทรกสุข (2543) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง แนวคิดเชิงปรัชญาที่ปรากฏในบทหนังตะลุงของนายลิ้น อรมุด พบว่า จิต เป็นตัวสั่งให้กายกระทํากิจกรรมต่าง ๆ ตามที่จิตสั่งและถ้ามีสิ่งใดมากระทบกระเทือนทําให้จิตใจไม่สบายก็จะส่งผลให้ร่างกายไม่สบายไปด้วย ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีสัญลักษณ์สัมพันธ์ ของมีท (Mead) (อ้างใน รุ้งนภา ยรรยงเกษมสุข, 2556) ได้กล่าวว่า จิตมนุษย์นั้นเป็นกระบวนการทางความคิด ซึ่งการฝึกซ้อมทางกระบวนการทางความคิดนี้เป็นสิ่งสําคัญทําให้เกิดความเป็นระเบียบ โดยจิตของมนุษย์แต่ละคนไม่ได้มีมาจากตอนกําเนิด แต่ทั้งหมดนี้ได้มากจากสิ่งต่าง ๆ ภายในสังคม ดําเนินไปเรื่อย จนกว่าจะค้นพบความหมายของการกระทําเหล่านั้นที่เข้าใจตรงกันจนเกิดขึ้นเป็นประเพณี วัฒนธรรมต่าง ๆ ของแต่ละสังคม การกระทำที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นนี้เรียกว่า กรรม ส่วนด้านกฎแห่งกรรม พบว่า กรรมเป็นการกระทำที่ออกมาจากทางกาย และวาจาถูกกลั่นกรองออกมาจากจิตใจสั่งให้ทำ กรรมมีอยู่อย่างสองประเภท คือ กรรมดี และกรรมชั่ว กรรมของแต่ละคนมีสาเหตุแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรู้ระดับวิญญาณของแต่ละบุคคล

แนวคิดญาณวิทยาตามแนวพุทธปรัชญา ด้านความรู้ระดับวิญญาณ พบว่า เป็นความรู้ที่รับรู้ได้ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ หรือ อินทรีย์ทั้งหก ปรากฏในกลอนลำจำนวน 12 กลอน สังคมอีสานมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อาชีพหลัก คือ ทำไร่ทำนา ฐานะทางเศรษฐกิจของสังคมอีสานสมัยก่อนค่อนข้างยากจน เนื้อหากลอนลำยังได้กล่าวถึง สังขารมนุษย์เรื่อง เกิด แก่ เจ็บ และตาย เป็นของธรรมชาติ เพื่อให้เตือนทำบุญกุศลเมื่อยังมีชีวิตอยู่ สอดคล้องกับงานวิจัยของ ณัฏยา วาสิงหน (2541) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง ความหมายของความตาย: การตีความตามพุทธปรัชญา พบว่า มรณสติเป็นเครื่องเร่งเร้าให้เกิดคุณธรรมในตน และส่งผลให้เกิดการประกอบกุศลกรรม เมื่อมีมรณสติและรับรู้ว่าความตายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกขณะของชีวิต ก็ช่วยให้เป็นผู้ไม่ประมาทได้เช่นเดียวกับผู้ปกครองบ้านเมืองควรมีคุณธรรมในตนเองปกครองบ้านเมืองโดยไม่ประมาท

แนวคิดเชิงคุณวิทยาในกลอนลำของหมอลำกลอนอีสาน ตามหลักจริยธรรมการเมืองการปกครอง ด้านตัวผู้ปกครองเอง ผู้ปกครองบ้านเมืองนั้นย่อมมีความสำคัญ โดยผู้ปกครองต้องมีหลักจริยธรรมสัมบูรณนิยม ซึ่งเป็นความดีที่ตายตัวโดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ ปานทิพย์ แซ่โค้ว (2542) ได้ศึกษาวิจัยเรื่องการศึกษาเปรียบเทียบเชิงปรัชญา เรื่อง ธัมมิกราชา และราชาปราชญ์เพลโต มีทัศนะว่า นักปกครองที่ดีจะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎระเบียบ ข้อบังคับของสังคม ซึ่งจะทําให้นักปกครองมีคุณสมบัติตามที่ต้องการได้ ในระบบการปกครองปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันสำหรับประเทศไทยคณะรัฐมนตรีเมื่อได้รับเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศแล้ว ก็บริหารประเทศโดยไม่โปร่งใสเอาผลประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก และอาจแปรเปลี่ยนเป็นจริยธรรมประโยชน์นิยมที่คนบางกลุ่มที่อยูในคณะรัฐมนตรีได้กระทำ ถึงแม้ว่าเป็นสิ่งที่ขัดศีลธรรมก็ยังกระทำ เพราะเพียงแค่ประโยชน์ของตนเองเท่านั้น สาเหตุนี้จึงได้สะท้อนถึงการกระทำของผู้ปกครองที่ได้รับเลือกให้เข้าไปทำหน้าที่ในรัฐสภาแล้วมักกอบโกยเอาผลประโยชน์มาเป็นของตนเอง หากฝ่ายบริหารประเทศยังไม่มีทศพิธราชธรรม ปัญหาทุจริตก็ยังคงจะมีอยู่ระบบการเมืองต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ ค้านวล คํามณี (2536) ได้ศึกษาวิจัยเรื่องการศึกษาเปรียบเทียบปรัชญาการเมืองของซุนซื้อกับโธมัส ฮอบส์ พบว่า แนวความคิดของโธมัส ฮอบส์ ในเรื่องธรรมชาติของมนุษย์สรุปได้ว่า ธรรมชาติ ของมนุษย์มีความชั่วร้าย เพราะมนุษย์มีแรงกระตุ้นที่เกิดจากความอยาก และมีแรงกระตุ้นที่ก่อให้เกิดความไม่อยากหรือความรังเกียจเป็นตัวผลักดันจิตใจซึ่งเป็นสาเหตุของการทะเลาะวิวาทสับสน วุ่นวายในสังคม

จากผลการอภิปรายดังกล่าวจะเห็นได้ว่าเนื้อหากลอนลำแทรกแนวคิดเชิงปรัชญาไว้ครบทั้ง 3 ด้าน คือ อภิปรัชญา ญาณวิทยา และคุณวิทยา โดยหมอลำกลอนได้นำกลอนลำเป็นวัตถุดิบในการลำ เพื่อรับใช้เผยแพร่ต่ออีสานมาอย่างยาวนาน ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของนัยนา นาควัชระ (2531) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง การศึกษาแนวคิดเชิงปรัชญาในภาษิตไทย พบว่า ในประเทศไทยยังไม่ปรากฏว่ามีนักปรัชญาที่เป็นกิจจะลักษณะเหมือนต่างประเทศ งานเขียนของผู้รู้ชาวไทยจะปรากฏอยู่ในรูปของวรรณคดีที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบันศาสนา และสถาบันทางการปกครองเสียเป็นส่วนใหญ่ ปัญหาจึงเกิดขึ้นว่า คนไทยมีระบบปรัชญาเป็นของตนเองหรือไม่ นอกจากแนวคิดทางปรัชญาที่สอดแทรกในงานเขียนที่เป็นวรรณคดี ต่าง ๆ ของกวีปราชญ์ แหล่งที่มาของแนวคิดทางปรัชญาที่สําคัญอีกแหล่งหนึ่ง ได้แก่ วรรณคดีมุขปาฐะของชาวบ้าน เป็นต้น

กลอนลำมีความสำคัญต่อสังคมอีสานมายาวนานเพราะเนื้อหากลอนลำนั้นแฝงไปด้วยปรัชญา ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ ธนารักษ์ กาญจนขันธกุล (2542) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง แนวคิดทางปรัชญาของสมัคร บุราวาศ พบว่า ปรัชญาเป็นวิชาที่มีความจําเป็นต่อการพัฒนาโลกทรรศน์ของคนให้เป็นระบบและเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะทําให้สามารถเข้าใจความจริงของโลกได้อย่างถูกต้อง และปรัชญายังเป็นเครื่องมือที่สําคัญในการเปลี่ยนแปลงสภาพสังคมอีกด้วย ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยของเหรียญทอง สมศักดิ์ (2528) ได้ศึกษาเชิงวิจารณ์แนวความคิดทางจริยศาสตร์ในวรรณกรรมของสุนทรภู่ พบว่า ความสามารถของจินตกวีสุนทรภู่ ซึ่งสมควรได้รับการยกย่องว่า เป็นนักคิดฝ่ายมนุษยนิยมที่สําคัญคนหนึ่งในวงการปรัชญา แนวความคิดทางจริยศาสตร์ในวรรณกรรมของสุนทรภู่เป็นหลักจริยธรรมที่สามารถนําไปใช้ตัดสินในการทําความดี ความชั่วของคนทั่วไปได้ เพราะเป็นจริยธรรมที่ทําให้เกิดประโยชน์สุขทั้งส่วนปัจเจกชนและสังคม ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ สัญญา สะสอง (2544) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง แนวคิดเชิงปรัชญาในวรรณกรรมพื้นบ้านอีสาน พบว่า แนวคิดเชิงปรัชญาของชนเผ่าไทอีสานที่ปรากฏในวรรณกรรมพื้นบ้านอีสานนั้น มีลักษณะพิเศษและโดดเด่น ตรงที่ไม่ได้เป็นเพียงการใช้แนวคิดทางปรัชญาในการแสวงหาความรู้ เพื่อความรู้เท่านั้นแต่ได้นําแนวคิดทางปรัชญามาสู่การปฏิบัติ จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น เช่นเดี่ยวกับกลอนลำที่มีเนื้อหาสาระสะท้อนปรัชญาช่วยแก้ปัญหา อบรมสั่งสอนคนอีสานสืบเนื่องยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน

6. ข้อเสนอแนะ

6.1 ข้อเสนอแนะในการวิจัย

สถาบันการศึกษาทั้งของภาครัฐและเอกชนทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ควรนำผลงานวิจัยนี้ไปใช้ประโยชน์ในการทำนุบำรุงการศึกษาทางภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยใช้เป็นแนวทางในการจัดทำหลักสูตรท้องถิ่นการประพันธ์กลอนลำ ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในรายวิชาภูมิปัญญาท้องถิ่น รายวิชาวรรณกรรมอีสาน หรือใช้เป็นเอกสารประกอบการ อบรมและสัมมนา หรือผู้ที่สนใจในการประพันธ์บทกลอนลำ ควรศึกษารูปแบบฉันทลักษณ์ในการประพันธ์กลอนลำโดยละเอียดเพื่อความถูกต้องและสมบูรณ์ของกลอนลำเมื่อนำไปใช้ประโยชน์

6.2 ข้อเสนอแนะในการวิจัยศึกษาครั้งต่อไป

ควรมีการศึกษาวิจัยเรื่อง ปรัชญาในกลอนลำประเภทอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น กลอนลำเรื่องต่อกลอน เป็นต้น และควรมีการศึกษาวิจัยปรัชญาในกลอนลำของศิลปินท่านอื่น ๆ เพิ่มเติม เป็นต้น

เอกสารอ้างอิง
  • คํานวล คํามณี. (2536). การศึกษาเปรียบเทียบ ปรัชญาการเมืองของซุนซื้อกับโทมัสอบส์. วิทยานิพนธ์. หลักสูตรปริญญา ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาปรัชญา: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

  • ฉลอง พันธ์จันทร์. (2549). ผญา-วาทกรรมแห่งภูมิปัญญาอีสาน: การตีความเชิงจริยปรัชญา. โครงการทุนวิจัย. สาขาวิชาศาสนาและปรัชญา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

  • ณัฏยา วาสิงหน. (2541). ความหมายของความตาย : การตีความตามพุทธปรัชญา. วิทยานิพนธ์. หลักสูตรปริญญา ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาปรัชญา: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

  • ทองหล่อ วงษ์ธรรมา. (2549). ปรัชญาทั่วไป. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์.

  • ธนารักษ์ กาญจนขันธกุล. (2542). แนวคิดทางปรัชญาของสมัคร บุราวาศ. วิทยานิพนธ์. หลักสูตรปริญญา ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาปรัชญา: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

  • ธวัช ปุนโณทก. (2537). วรรณกรรมภาคอีสาน.กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

  • นัยนา นาควัชระ. (2531). การศึกษาแนวคิดเชิงปรัชญาในภาษิตไทย. วิทยานิพนธ์. หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาปรัชญา: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

  • บัณฑิตวงศ์ ทองกลม. (2539). ชีวิตและผลงานของหมอลำทองมาก จันทะลือ (หมอลำถูทา). วิทยานิพนธ์ ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต วิชาเอกไทยคดีศึกษา (เน้นสังคมศาสตร์). มหาสารคาม:มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

  • ปานทิพย์ แซ่โค้ว. (2542). การศึกษาเปรียบเทียบเชิงปรัชญา เรื่อง ธัมมิกราชาและราชาปราชญ์. วิทยานิพนธ์. หลักสูตรปริญญา ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาปรัชญา: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

  • ปานทิพย์ ศุภนครและคณะ. (2542). ปรัชญาเบื้องต้น. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

  • พงษ์ศักดิ์ ฐานสินพล. (2556). การประพันธ์กลอนลำของครูนุ่ม เย็นใจ. วิทยานิพนธ์. ปริญญาศิลปกรรมศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาดุริยางคศิลป์. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

  • รุ้งนภา ยรรยงเกษมสุข. (2556). ทฤษฎีปฏิสัมพันธ์เชิงสัญลักษณ์กับการอธิบายปรากฎการณ์สังคมจากมุมมองตัวแสดง. วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย มหาวิทยาลัยบูรพา 2556; 5(2):69-89

  • สัญญา สะสอง. (2544). แนวคิดเชิงปรัชญาในวรรณกรรมพื้นบ้านอีสาน. วิทยานิพนธ์. หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาปรัชญา: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

  • เหรียญทอง สมศักดิ์. (2528). การศึกษาเชิงวิจารย์แนวความคิดทางจริยศาสตร์ในวรรณกรรมของสุนทรภู่. วิทยานิพนธ์. หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาปรัชญา: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

  • อารียา แทรกสุข. (2543). แนวคิดเชิงปรัชญาที่ปรากฏในบทหนังตะลุงของนายชิ้น อรมุต. วิทยานิพนธ์. หลักสูตรปริญญา ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาปรัชญา: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

อ้างอิงการสัมภาษณ์
  • ฉวีวรรณ พันธุ (ดำเนิน) (ผู้ให้สัมภาษณ์), 12 ธันวาคม 2562

  • ฉลาดน้อย ส่งเสริม (ผู้ให้สัมภาษณ์), 12 ธันวาคม 2562

  • เจริญชัย ชนไพโรจน์ (ผู้ให้สัมภาษณ์), 10 มกราคม 2563

  • สำเร็จ คำโมง (ผู้ให้สัมภาษณ์), 12 มกราคม 2563

  • จินตนา เย็นสวัสดิ์ (ผู้ให้สัมภาษณ์), 1 มีนาคม 2563

  • จำนงค์ ลือชา (ผู้ให้สัมภาษณ์), 1 มีนาคม 2563

  • กิ่งแก้ว ขันแข็ง (ผู้ให้สัมภาษณ์), 1 มีนาคม 2563

  • มีฤทธิ์ ปัญญาวงษ์ (ผู้ให้สัมภาษณ์), 1 มีนาคม 2563

Kommentare


bottom of page